การรักษาฝ้า (Melasma Treatment)
ฝ้า จะมีลักษณะเป็นรอยดำเป็นปื้นใหญ่ๆ โดยมักจะเกิดขึ้นตามบริเวณที่ถูกแสงแดด เช่น หน้าผาก ไรหนวด โหนกแก้ม ซึ่งเป็นบริเวณที่เกิดขึ้นได้บ่อยที่สุด
สาเหตุของการเกิดฝ้า
สาเหตุของการเกิดฝ้านั้น ยังไม่พบสาเหตุที่แน่นอน แต่จากคนไข้ส่วนใหญ่ สาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้าได้มากที่สุด คือ เกิดจากการกระตุ้นได้ 3 ลักษณะ ดังต่อไปนี้
-
แสงแดด แสง UV เป็นตัวกระตุ้นหลักที่ทำให้เกิดฝ้า
-
ฮอร์โมน เช่น การทานยาคุม หรือ การตั้งครรภ์
-
กรรมพันธุ์
โปรแกรมการรักษาอื่นๆ
-
การรักษารอยสิว รอยดำ รอยแดง
-
การยกกระชับปรับรูปหน้า
Ultra Hifu by Ultraformer III
Fotona 4D -
การกำจัดขน
-
การฉีดสลายไขมัน
วิธีการรักษา ฝ้า
1 ใช้ยารับประทาน
โดยปัจจุบันมีงานวิจัยเกี่ยวกับการทานยาบางตัว ซึ่งพบว่าสามารถทำให้ฝ้าจางลงได้ แต่ต้องทานต่อเนื่อง 3-4 เดือนแล้วควรหยุด เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นได้ ควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์เป็นผู้ตรวจและจ่ายยา
2 ใช้ยาทา
ต้องเป็นยาทาที่มีส่วนผสมที่สามารถทำให้ฝ้าจางลงได้ แต่ยังไม่พบว่าสามารถทำให้ฝ้านั้นหายไปจนหมดได้ และควรเป็นยาทาที่ได้มาตรฐาน มี อย. รับรองและจ่ายยาโดยแพทย์
3 ใช้เลเซอร์
เลเซอร์ที่จะนำมาใช้กับ ฝ้า ควรเป็นเลเซอร์ที่มีผลกระทบต่อผิวน้อยที่สุด ไม่เกิดแผลหลังทำ ซึ่งเลเซอร์สามารถทำให้ ฝ้าจางลงเร็วขึ้นได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้หาย 100% เช่นกัน สิ่งที่เราทำได้คือ การทำให้จางลง ควบคุมไว้ หรือป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นเพิ่มเติม
"เลเซอร์ที่นำมาใช้ ในสมัยก่อนจะใช้ Q-switched ในการรักษา แต่ทำไปนานๆ อาจทำให้เกิด ความด่างขาวได้ ในปัจจุบันมีเลเซอร์ที่ถือว่าเป็นระบบใหม่ที่สุดในการรักษาความผิดปกติของเม็ดสี คือ Picosecond Laser ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบต่อผิวน้อยที่สุด เจ็บน้อยกว่า และลดจำนวนครั้งในการรักษาได้มากกว่าเลเซอร์ระบบเดิม"
นอกจากนี้ เราควรหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้ฝ้าเกิดขึ้น เช่น การหลีกเลี่ยงการทานฮอร์โมน โดยควรปรึกษาแพทย์ในการปรับยา และ หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องทำให้เจอแสงแดดเป็นเวลานาน และควรทากันแดดอย่างสม่ำเสมอด้วยนะคะ
"เพราะผลลัพธ์ในการรักษาและความพึงพอใจของคนไข้เป็นสิ่งที่คุณหมอให้ความสำคัญ"
คุณหมอจึงได้นำ นวัตกรรมเลเซอร์ที่ดีที่สุดมาใช้กับคนไข้ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการรักษา
นพ.กฤษณ์ บูรณโยชน์กุล